ทางออกเมื่อ ไม่ต่อสัญญาขายฝาก

        การไม่ต่อสัญญาขายฝาก เมื่อครบกำหนดสัญญาของผู้รับขายฝาก เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ ผู้ซื้อฝากไม่ต่อสัญญา อาจด้วยเหตุผลหลายประการ แม้คุณจะเป็นผู้ขายฝากที่ดี ทำตามข้อตกลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ต่อสัญญาเสมอไป ซึ่งสาเหตุมาจากเหตุผลผลส่วนตัวของผู้รับขายฝาก เช่น ผู้ขายฝากต้องการต่อสัญญาขายฝาก เพราะยังไม่มีความพร้อมในการไถ่ถอนสินทรัพย์ หรือผู้รับซื้อฝากไม่ต่อสัญญาให้ เพราะมองเห็นการลงทุนอื่นที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าการรับซื้อฝาก ทำให้ผู้ขายฝากต้องมองหาแหล่งเงินทุนอื่นที่ได้เงินด่วนเพื่อทำการไถ่ถอนให้เร็วที่สุด หรือผู้รับซื้อฝากมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อน การลงทุนเป็นก้อนจมนาน ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดเมื่อต้องการ

      ปัญหาเหล่านี้มีทางออกอย่างไร เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้แล้ว ผู้ขายฝากต้องแก้ปัญหาอย่างไร เพราะสินทรัพย์ของตัวเองต้องตกไปอยู่ในมือของคนอื่น และไม่รู้ว่าจะสามารถเอากลับมาเป็นของตัวเองได้อีกหรือไม่

1. ต้องรีบหาเงินด่วนมาไถ่ถอนสัญญาให้เร็วที่สุดทั้ง ๆ ที่ยังไม่พร้อม การที่ผู้ขายฝากต้องรีบตัดสินใจเพื่อหาเงินด่วนไถ่ถอนสัญญาขายฝากทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทบทวนข้อดี-ข้อเสีย ซึ่งผู้ขายฝากอาจจะไปเจอนายทุนนอกระบบที่คิดดอกเบี้ยแพง เพราะความรีบร้อนใช้เงินทำให้ด่วนตัดสินใจโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดี นำไปสู่ความวุ่นวายกว่าเดิม

2. หาบริษัทขายฝากใหม่เพื่อย้ายสัญญาขายฝาก คือต้องหานายทุนคนใหม่ เพื่อมาเปลี่ยนสัญญารับขายฝากต่อ และต้องเป็นบริษัทที่ได้มาตรฐาน มีขั้นตอนโปร่งใสชัดเจน ถูกกฎหมาย แต่ยังไม่จบแค่นั้น เพราะถึงจะเจอนายทุนใหม่ที่ยินดีรับต่อ ก็ยังต้องเจอกับค่าธรรมเนียมในการไถ่ถอนจากคนเดิมไปคนใหม่ เทียบเท่าการโอนสองรอบ จึงต้องเลือกนายทุน หรือบริษัทขายฝากใหม่ให้ดี ๆ เพราะไม่เช่นนั้น อาจทำให้คุณต้องเสียเงิน เสียค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ที่สำคัญเลยคือต้องเช็กดอกเบี้ยต้องไม่เกิน 15% ตามที่กฎหมายกำหนด