อีเมล

admin@landforloan.co.th

4 ช่องทางทำเงินในธุรกิจรับจำนอง ขายฝาก

ธุรกิจรับจำนอง ขายฝากถือเป็นหนึ่งในช่องทางทำเงินที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในยุคเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้คนหรือนักธุรกิจต้องการเงินทุนด่วนหรือไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่มีความยุ่งยาก ธุรกิจนี้จึงเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนในการสร้างรายได้จากการใช้ทรัพย์สินเป็นหลักประกัน ในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีที่นักลงทุนสามารถทำเงินจากธุรกิจรับจำนองและขายฝาก รวมถึงความเสี่ยงและข้อควรระวังที่นักลงทุนควรพิจารณา ให้วงเงินสูง  ดอกเบี้ยต่ำเริ่มต้น 0.75%/เดือน อนุมัติง่าย เงื่อนไขไม่ยุ่งยาก มีที่ตั้งสำนักงานชัดเจน ใจกลางเมือง ทำนิติกรรมถูกต้อง ตามกฎหมาย ที่สำนักงานที่ดิน เป็นนายทุนโดยตรง มีชื่อเสียงระดับประเทศ มีลูกค้าใช้บริการมากกว่า 1000 ราย มี Call Center คอยดูแลให้ข้อมูล            สอบถามเพิ่มเติม ช่องทางทำเงินในธุรกิจรับจำนอง ขายฝาก 1. ทำเงินจากดอกเบี้ยในการรับจำนอง หนึ่งในช่องทางทำเงินหลักจากธุรกิจรับจำนองคือการรับดอกเบี้ยจากเงินที่ปล่อยให้กับผู้จำนองทรัพย์สิน โดยการปล่อยเงินกู้ที่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน นักลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่ตกลงกันระหว่างผู้รับจำนองและผู้จำนอง ดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากทั่วไป:ธุรกิจจำนองมักจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการฝากเงินในธนาคารหรือการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งทำให้เป็นช่องทางที่นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น การฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ การป้องกันความเสี่ยง:นักลงทุนในธุรกิจจำนองมักจะสามารถรับประกันได้ว่าทรัพย์สินที่นำมาจำนองจะมีมูลค่าสูงพอที่จะคุ้มครองเงินที่ลงทุนไป ซึ่งทำให้การลงทุนในธุรกิจนี้มีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง หากผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ นักลงทุนสามารถยึดทรัพย์สินนั้นได้ ตัวอย่าง: หากนักลงทุนปล่อยกู้เงิน 1 ล้านบาท โดยมีดอกเบี้ย 10% ต่อปี หากผู้จำนองไม่ชำระหนี้ นักลงทุนจะได้รับทรัพย์สินที่มีมูลค่าใกล้เคียงกับเงินที่ปล่อยกู้ไป...

Read More

รายได้เท่านี้ แบกภาระหนี้ระดับใด

การจัดการภาระหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพเป็นส่วนสำคัญในการรักษาสุขภาพการเงินที่ดี หนึ่งในปัจจัยหลักที่กำหนดว่าสุขภาพการเงินของคุณแข็งแรงหรือไม่ คือการที่คุณสามารถบริหารจัดการหนี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับรายได้ของคุณได้อย่างไร เพื่อไม่ให้ภาระหนี้สินส่งผลต่อความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าควรแบกรับหนี้ในระดับใดจึงจะสมดุลกับรายได้ รายได้เท่านี้ ต้องแบกภาระหนี้ระดับใด 1. อัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ (Debt-to-Income Ratio – DTI) อัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ หรือ DTI เป็นตัวบ่งชี้สำคัญในการวัดความสามารถในการชำระหนี้ของคุณ โดยปกติ อัตราส่วน DTI ที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 36% ของรายได้ต่อเดือน ซึ่งหมายความว่า หากคุณมีรายได้เดือนละ 50,000 บาท หนี้สินทั้งหมดที่ต้องชำระต่อเดือน ไม่ควรเกิน 18,000 บาท ซึ่งค่านี้เป็นระดับที่ยังสามารถจัดการได้โดยไม่ทำให้เกิดความเครียดทางการเงินมากเกินไป ตัวอย่างการคำนวณ DTI: หากคุณมีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน และมีภาระหนี้สินในการชำระเดือนละ 10,000 บาท อัตราส่วน DTI ของคุณจะอยู่ที่ (10,000 ÷ 30,000) × 100 = 33.33% ซึ่งยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย 2. สัดส่วนหนี้เพื่อที่อยู่อาศัย สำหรับการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัย ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินแนะนำว่า...

Read More

ทำไมกู้เงินในระบบถึงดีกว่ากู้นอกระบบ

การกู้ยืมเงินเป็นสิ่งที่คนจำนวนไม่น้อยเลือกทำเมื่อมีความจำเป็นทางการเงิน ซึ่งแหล่งเงินกู้สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ การกู้เงินในระบบและการกู้เงินนอกระบบ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเหตุผลว่าทำไมการกู้ในระบบถึงมีความปลอดภัยและดีกว่าการกู้เงินนอกระบบ ให้วงเงินสูง  ดอกเบี้ยต่ำเริ่มต้น 0.75%/เดือน อนุมัติง่าย เงื่อนไขไม่ยุ่งยาก มีที่ตั้งสำนักงานชัดเจน ใจกลางเมือง ทำนิติกรรมถูกต้อง ตามกฎหมาย ที่สำนักงานที่ดิน เป็นนายทุนโดยตรง มีชื่อเสียงระดับประเทศ มีลูกค้าใช้บริการมากกว่า 1000 ราย มี Call Center คอยดูแลให้ข้อมูล            สอบถามเพิ่มเติม ดอกเบี้ยที่ถูกต้องตามกฎหมาย หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้การกู้เงินในระบบดีกว่ากู้นอกระบบคือเรื่องของ “ดอกเบี้ย” การกู้ในระบบ เช่น ผ่านธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ได้รับใบอนุญาต จะมีกฎระเบียบในการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจนและถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินสามารถเรียกเก็บได้ ซึ่งต่างจากการกู้เงินนอกระบบที่มักจะคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินควร และอาจนำไปสู่การเป็นหนี้ที่ไม่สิ้นสุดหากผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดได้ ความปลอดภัยทางกฎหมาย การกู้ในระบบให้ความคุ้มครองทางกฎหมายแก่ผู้กู้ หากเกิดกรณีข้อพิพาท สถาบันการเงินจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้ผู้กู้ได้รับความเป็นธรรม แต่การกู้เงินนอกระบบส่วนใหญ่ไม่มีสัญญาหรือการรับรองทางกฎหมายที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ผู้กู้อาจเผชิญกับการข่มขู่หรือถูกบังคับให้ชำระหนี้ในวิธีการที่ไม่เป็นธรรม การควบคุมและตรวจสอบจากหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการเงินที่ดำเนินการในระบบได้รับการควบคุมจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจการเงิน (ก.ล.ต.) ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของการดำเนินงานและรักษาสิทธิ์ของผู้กู้ การกู้ในระบบจึงมั่นใจได้ว่าผู้กู้จะได้รับข้อมูลที่โปร่งใสและชัดเจน...

Read More